แก้มย้อย หน้าหย่อนคล้อย แก้ยังไง? รวมวิธีแก้โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมบอกลาปัญหาหน้าแก่

แก้มย้อย
Table of contents

หลายคนเริ่มสังเกตเห็นว่าใบหน้าดูไม่สดใสเหมือนเดิมเมื่ออายุเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะปัญหา แก้มย้อย และ หน้าหย่อนคล้อย ที่ทำให้ใบหน้าดูแก่ก่อนวัย วันนี้ OHM Clinic จะช่วยให้คุณเข้าใจสาเหตุ วิธีแก้ และแนวทางการรักษาว่า หน้าหย่อนคล้อย แก้ยังไง? ในแบบเหมาะสมกับสภาพผิว เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น

รวมรีวิววิธีแก้ แก้มย้อย บอกลาความกังวลใจ

ปัญหาแก้มย้อยไม่ใช่เรื่องที่แก้ไม่ได้ ปัจจุบันมีวิธีการรักษาหลายแบบ ตั้งแต่การใช้เครื่องมือยกกระชับ การฉีดสารต่าง ๆ ไปจนถึงวิธีธรรมชาติที่ช่วยเสริมผลลัพธ์ เรามาดูรีวิววิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด

รีวิวการรักษาด้วยเครื่องยกกระชับ

Ulthera, Oligio และ Ultraformer III เป็นตัวเลือกหลักของคนที่อยากยกกระชับโดยไม่ต้องผ่าตัด วิธีนี้ใช้คลื่นอัลตราซาวด์หรือคลื่นวิทยุยิงลงสู่ผิวชั้นลึกเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ผลลัพธ์จะค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นใน 2-3 เดือนหลังทำ

แก้มย้อย
แก้มย้อย

รีวิวการรักษาด้วยการฉีด

การฉีดสารเช่น ฟิลเลอร์ (Filler), โบท็อกซ์ (Botox) หรือสารสลายไขมัน เป็นอีกวิธีที่แก้ไขปัญหาได้เร็ว เหมาะกับผู้ที่มีแก้มย้อยเพราะไขมันสะสม การฉีดฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มใบหน้าให้ได้รูป ส่วนโบท็อกซ์ช่วยปรับรูปหน้าช่วงกรามให้เล็กลง

แก้มย้อย

รีวิวการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ
นอกจากเครื่องยกกระชับและการฉีดแล้ว วิธีอย่าง การร้อยไหม PDO, RF Microneedling และเลเซอร์ ก็เป็นทางเลือกที่คนสนใจจำนวนมาก

  • การร้อยไหม PDO ใช้ไหมละลายสอดเข้าไปใต้ผิว เพื่อดึงยกและกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้หน้าเข้ารูปทันทีและผิวค่อย ๆ กระชับขึ้นใน 1-2 เดือน ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 8-12 เดือน [image: ภาพขั้นตอนการร้อยไหม]
  • RF Microneedling คือการใช้เข็มเล็ก ๆ ส่งคลื่นวิทยุเข้าไปในผิวชั้นลึก กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เหมาะสำหรับคนที่อยากได้ผิวละเอียดและรูขุมขนกระชับร่วมด้วย
  • เลเซอร์ยกกระชับ (เช่น Fotona 4D) ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนแบบอ่อนโยน เหมาะกับคนที่ไม่อยากเจ็บ เห็นผลค่อยเป็นค่อยไปหลังทำ 2-3 ครั้ง

ข้อดีของวิธีเหล่านี้คือไม่ต้องพักฟื้นนาน สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที ผลลัพธ์อาจคงอยู่ 6-12 เดือนขึ้นกับวิธีและสภาพผิว ราคาจะเริ่มต้นที่ 9,900 บาทต่อครั้ง

แก้มย้อย คืออะไร? สาเหตุและอาการที่ควรรู้

แก้มย้อย หรือที่เรียกในทางการแพทย์ว่า “Sagging Cheeks” เป็นภาวะที่เกิดจากการสูญเสียความยืดหยุ่นและความแน่นของผิวหนังบริเวณแก้ม ทำให้แก้มดูตกย้อย ไม่กระชับเหมือนเดิม อาการนี้มักเกิดควบคู่ไปกับการลดลงของคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญที่ช่วยให้ผิวหนังมีความแน่นและยืดหยุ่น

อาการของแก้มย้อยที่สังเกตได้ชัดเจน ได้แก่:

  • แก้มดูหย่อนยาน ไม่อิ่มฟูเหมือนเดิม
  • เส้นแบ่งระหว่างแก้มกับคางเริ่มไม่ชัดเจน
  • ใบหน้าดูเหนื่อยล้า ขาดความสดใส
  • รู้สึกไม่มั่นใจในรูปลักษณ์ของตนเอง

การเข้าใจสาเหตุคือก้าวแรกของการเลือกวิธีรักษาที่ถูกต้อง ซึ่งปัญหา แก้มย้อย และ หน้าหย่อนคล้อย มักเริ่มจากหลายตัวแปรที่สัมพันธ์กัน เมื่อเรารู้เหตุด้านลึก เราจะเลือกวิธีแก้ได้แม่นยำขึ้น นี่คือสาเหตุสำคัญที่ต้องเข้าใจ

1. อายุและการเสื่อมของโครงสร้างผิว

เมื่ออายุเพิ่มขึ้น คอลลาเจนและอีลาสตินค่อย ๆ ลดลง ทำให้ผิวบางและยืดหยุ่นลดลง โดยเฉพาะในวัย 25 เป็นต้นไปที่คอลลาเจนลดลงประมาณ 1% ต่อปี และชัดเจนมากขึ้นในวัย 40–50 ปี

2. กระดูกหน้าเล็กลงและการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง

สองจุดสำคัญคือ กระดูกกรามและกระดูกแก้ม (Zygomatic-Maxillary) รับแรงจากไขมันและโครงผิว หากกระดูกฝ่อเหลือน้อย ผิวและชั้นไขมันจะไม่มีโครงให้ยึด จึงหย่อนตามแรงโน้มถ่วง

3. การเลื่อนตัวของไขมัน (Fat Redistribute)

ชั้นไขมันใต้ผิวมีการเปลี่ยนแปลง ชั้นลึกฝ่อ ส่วนชั้นบนอาจเคลื่อนตัวลงล่าง ทำให้เกิดแก้มกลมด้านล่างและร่องแก้มชัดขึ้น กลายเป็นลักษณะแก้มย้อย

4. พฤติกรรมและปัจจัยแวดล้อมที่เร่งให้เกิดปัญหา

  • แสงแดด (Photoaging): รังสี UV ทำลายโครงสร้างคอลลาเจนและส่งเสริมกระบวนการสลายผิวอย่างรวดเร็ว
  • การสูบบุหรี่ / ดื่มแอลกอฮอล์ / ความเครียด: สารพิษและฮอร์โมนคอร์ติซอลลดการผลิตคอลลาเจน และเพิ่มอนุมูลอิสระที่ทำร้ายผิว
  • การลดน้ำหนักเร็วเกินไป: ผิวและโครงสร้างไม่สามารถหดตัวทัน ทำให้ผิวหย่อนโดยไม่ตั้งใจ

5. ผลกระทบจากแรงโน้มถ่วง

แรงโน้มถ่วงคือพลังที่ “ดึง” ผิวหนังและเนื้อเยื่อลงด้านล่าง ทำให้โครงสร้างแก้มที่เคยเต่งตึง ค่อย ๆ หย่อนลงอย่างไม่หยุดยั้ง (โดยเฉพาะเมื่อคอลลาเจนน้อยและไขมันเคลื่อน)

หน้าหย่อนคล้อย แก้ยังไง

รู้จักประเภทของความหย่อนคล้อยเพื่อเลือกวิธีแก้ที่ตรงจุด

มีทั้งแบบผิวหย่อนจากอายุ (Skin Laxity), แบบไขมันสะสม (Fat Sagging) และแบบกล้ามเนื้อหย่อน (Muscle Laxity) การรู้ประเภทของปัญหาจะช่วยให้เลือกวิธีแก้ได้แม่นยำ

หน้าหย่อนคล้อย แก้ยังไง? รวมวิธีแก้แก้มย้อยแบบไม่ผ่าตัด

สำหรับคนที่ไม่อยากผ่าตัด ปัจจุบันมีหลายวิธีที่ช่วยยกกระชับได้อย่างเห็นผล

หน้าหย่อนคล้อย แก้ยังไง

การยกกระชับด้วยเครื่องกลุ่ม Ulthera, Ultraformer lll, และ Oligio

วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยระดับน้อยถึงปานกลาง ทำครั้งเดียวอยู่ได้ 1-2 ปี และสามารถทำซ้ำได้ตามคำแนะนำแพทย์ 

การร้อยไหมเพื่อยกกระชับแก้มย้อย

การร้อยไหมช่วยดึงผิวที่หย่อนให้กลับมาตึงขึ้นทันที และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ เห็นผลชัดเจนใน 1-2 เดือนหลังทำ 

การฉีดโบท็อกซ์และฟิลเลอร์ เพื่อยกกระชับและสลายไขมันแก้มย้อย

วิธีนี้เหมาะกับคนที่มีแก้มใหญ่เพราะไขมัน ฉีดเพื่อลดไขมันเฉพาะจุดให้ใบหน้าเรียวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

แก้แก้มย้อยด้วย Radiesse

Radiesse (เรเดียส) ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้ผิวแน่นฟู มีความยืดหยุ่น และช่วยยกพยุงโครงสร้างใบหน้าที่หย่อนคล้อยให้กลับมากระชับขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติและยาวนาน

เข้าใจกลไกการทำงาน ผลลัพธ์ และค่าใช้จ่ายของการแก้แก้มย้อย

เราจะไปเจาะลึกถึงความแตกต่างของแต่ละวิธีแก้ปัญหา แก้มย้อย โดยอธิบายถึง กลไกการออกฤทธิ์ ว่าแต่ละหัตถการทำงานอย่างไร และให้ผลลัพธ์อย่างไร เพื่อให้คุณเข้าใจและเลือกวิธีที่เหมาะสมกับปัญหาและเป้าหมายของคุณที่สุด

หน้าหย่อนคล้อย แก้ยังไง

เลือกวิธีแก้ แก้มย้อย แบบไหนดี? ให้เหมาะสมกับปัญหา

เลือกวิธีรักษาตามระดับความหย่อนคล้อย

ถ้าความหย่อนคล้อยเล็กน้อย อาจเลือกทำ Ultraformer lll หรือ Ulthera Prime แต่ถ้าหย่อนคล้อยมาก แพทย์อาจแนะนำให้ร้อยไหมร่วมด้วยเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน 

การผสมผสานหลายวิธีเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

หลายเคสใช้การทำหัตถการผสม เช่น Ulthera Prime + ฟิลเลอร์ เพื่อยกและเติมเต็มใบหน้าให้ได้รูปสวยอย่างเป็นธรรมชาติ 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ แก้มย้อย

ระหว่างทำหัตถการนี้จะเจ็บหรือไม่? ต้องใช้ยาชาไหม?

ส่วนใหญ่จะทายาชาก่อนทำ ทำให้รู้สึกเพียงแค่ตึง ๆ หรือร้อนเล็กน้อย ไม่ถึงขั้นเจ็บมาก

ต้องพักฟื้นกี่วัน? มีข้อควรระวังหรืออาการข้างเคียงอะไรบ้าง?

ไม่มีแผลใหญ่ สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ แต่อาจมีรอยแดงหรือบวมเล็กน้อย 1-3 วัน

ใครบ้างที่เหมาะกับหัตถการนี้? และใครที่ไม่ควรทำ?

เหมาะกับคนที่เริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง ผู้ที่มีโรคผิวหนังบางชนิดหรือกำลังตั้งครรภ์ควรปรึกษาแพทย์ก่อน

ต้องทำทั้งหมดกี่ครั้งจึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน?

ส่วนใหญ่ทำครั้งเดียวเห็นผล แต่บางกรณีแพทย์อาจแนะนำทำซ้ำปีละครั้งเพื่อคงผลลัพธ์

ผลลัพธ์หลังการรักษาจะอยู่ได้นานแค่ไหน?

เฉลี่ย 12-18 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลตนเอง

หัตถการนี้สามารถใช้ควบคู่กับหัตถการอื่นเพื่อแก้ปัญหาได้ไหม?

ได้ เช่นทำ Ultraformer lll หรือ Ulthera Prime ร่วมกับฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์เพื่อผลลัพธ์ที่สมบูรณ์

ใช้เวลานานเท่าไหร่ในการทำหัตถการแต่ละครั้ง?

ประมาณ 30-60 นาที ขึ้นอยู่กับวิธีและบริเวณที่ทำ

ราคาเริ่มต้นของหัตถการนี้อยู่ที่เท่าไหร่?

เริ่มต้นที่ 11,900 บาท แล้วแต่โปรแกรมที่เลือก

พร้อมบอกลาแก้มย้อยให้กลับมาหน้าอ่อนเยาว์อีกครั้ง?

การเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสมกับสภาพผิวและการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคือกุญแจสำคัญ หากคุณอยากเริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้ สามารถนัดปรึกษาฟรีเพื่อวิเคราะห์ใบหน้าและเลือกโปรแกรมที่เหมาะกับคุณได้ทันที

จองคิวได้ที่:

  • LINE: @ohmclinic (ตอบภายใน 15 นาที)
  • Tel: 085-168-5656 (สาขา Nirvana เกษตร-นวมินทร์)
  • Tel: 085-188-8855 (สาขา True Digital Park)
  • Tel: 083-982-9292 (สาขา Siam Square One)
  • Instagram: @ohmclinic

สาขาที่ให้บริการ:

Nirvana เกษตร-นวมินทร์: 288/30 ถนนประเสริฐมนูญกิจ แขวงนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กทม. 10240 เปิด 11:00-19:00 น.

True Digital Park: 101 True Digital Park ชั้น 2 ถนนสุขุมวิท แขวงบางจาก เขตพระโขนง กทม. 10260 (BTS ปุณณวิถี) เปิด 12:00-20:00 น.

Siam Square One: Siam Square One ชั้น 6 เลขที่ 388 ถนนพระรามที่ 1 แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กทม. 10330 (BTS สยาม) เปิด 12:00-20:00 น.

ข้อมูลโดย

นายแพทย์ ดิษฐพงศ์ สัตตบงกช

รายละเอียด