หลาย ๆ คนอาจจะเคยเจอปัญหาที่ทำให้สูญเสียความมั่นใจอย่างเช่น คางบุ๋ม หน้ากลม หน้าอ้วน คางสั้น ไม่เข้ารูปเข้ารอย ขาดมิติ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่อยากจะเข้าทำศัลยกรรมผ่าตัดคาง ซึ่งต้องใช้เวลาพักฟื้นนานพอสมควรแถมยังเจ็บด้วย ดังนั้นการที่คุณจะเลือกฉีดฟิลเลอร์คาง หรือเสริมคางเพื่อแก้ปัญหาในจุดนี้ก็นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีที่เจ็บน้อยกว่าและเห็นผลอย่างรวดเร็วมากกว่าด้วย
ทำความรู้จักการฉีดฟิลเลอร์คางและการเสริมคางเบื้องต้น
การฉีดฟิลเลอร์คาง เป็นการเติมสาร HA หรือ Hyaluronic Acid คือสารธรรมชาติชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในร่างกาย สาร HA มีหน้าที่เด่นในการอุ้มน้ำ ทำให้ผิวชุ่มชื่น และเต่งตึง ถึงสามารถฉีดเข้าสู่บริเวณคางเพื่อปรับคางให้เป็นไปตามต้องการในทันที การเสริมคางด้วยการศัลยกรรมเป็นการผ่าตัดเพื่อเปลี่ยนแปลงรูปร่างคางโดยถาวร โดยซิลิโคนสามารถอยู่ในร่างกายได้ และการเสริมคางด้วยซิลิโคนจะเป็น Medical Grade ที่ต้องอาศัยแพทย์เฉพาะทาง ไม่มีวันหมดอายุ จนกว่าอยากจะนำซิลิโคนออก
ฟิลเลอร์คางช่วยเรื่องอะไรบ้าง
หลาย ๆ คนอาจสงสัยว่า ฟิลเลอร์คางช่วยเรื่องอะไรบ้าง ก็ต้องขอตอบว่าการ ฉีดฟิลเลอร์คาง คางช่วยแก้ปัญหาคางได้ดังต่อไปนี้
- แก้ปัญหาคางสั้น ช่วยให้ใบหน้าสวยหวานขึ้น
- แก้ปัญหาคางตัด ฉีดคางจะช่วยเพิ่มความเรียวยาวให้แก่คางได้
- แก้ปัญหาคางถอยหรืองุ้ม ฉีดคางจะช่วยปรับให้คางยื่นไปด้านหน้าเล็กน้อยได้
- แก้ปัญหาคางบุ๋ม
การฉีดฟิลเลอร์คางและการเสริมคางเจ็บไหม แบบไหนเจ็บมากกว่ากัน?
การฉีด ฟิล เลอร์ คาง จะเจ็บเล็กน้อยแค่ตอนฉีดเท่านั้น ในบางรายมีความต้องการที่จะทายาชาก่อนฉีดฟิลเลอร์คาง ก็สามารถทำได้ ด้วย หลังจากฉีด ฟิล เลอร์ คาง เสร็จแล้ว ก็จะไม่รู้สึกเจ็บ และสามารถทานอาหารได้ปกติ
ส่วนการเสริมคางโดยการทำศัลยกรรมช่วงที่เจ็บคือ ตอนฉีดยาชาและหลังยาชาหมดฤทธิ์ แต่ขณะผ่าตัดจะไม่รู้สึกเจ็บ บางรายอาจมีอาการเจ็บประมาณ 1 สัปดาห์หลังจากที่ยาชาหมดฤทธิ์ และต้องระมัดระวังในเรื่องของการทานอาหาร จำเป็นต้องรอจนกว่าแผลจะหายดี อีกทั้งยังต้องระมัดระวังเรื่องการดูแลแผลเป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อ ดังนั้นการฉีดคางด้วยฟิลเลอร์ จึงเป็นทางเลือกที่นิยมมากขึ้น เพราะไม่เจ็บเท่าการผ่าตัดเสริมคาง ไม่ต้องพักฟื้น เห็นผลเร็วกว่าและไม่น่ากลัวเหมือนกับการผ่าตัด
การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์คาง
สำหรับวิธีการเตรียมตัวและการดูแลหลังการฉีดฟิลเลอร์คางนั้นไม่ยุ่งยากเลย สามารถทำได้ดังต่อไปนี้
ก่อนฉีดฟิลเลอร์คาง
- ควรงดวิตามินที่ทำให้เลือดหยุดไหลยาก เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา ยาแก้ปวดกลุ่มแอสไพริน และยาละลายลิ่มเลือดก่อนทำหัตถการประมาณ 3-7 วัน
- งดสูบบุหรี่ งดดื่มแอลกอฮอล์ก่อนทำหัตถการ 3 วัน
- งดออกกำลังกายหรือกิจกรรมที่ทำให้เลือดบริเวณใบหน้าสูบฉีดก่อนทำหัตถการ 1 วัน
- ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบก่อนทำหัตถการ หากมีโรคประจำตัวหรือผิวหนังอักเสบ
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
หลังฉีดฟิลเลอร์คาง
- งดการนอนราบหรือนอนตะแคง 4-6 ชั่วโมง
- งดการนวดหรือกดแรงๆ บริเวณที่มีการเติมฟิลเลอร์คาง ประมาณ 2-3 วัน
- หากเกิดอาการปวดหรือบวม ให้ประคบเย็นเบาๆ บริเวณที่ฉีดคาง
- งดสูบบุหรี่ และควรงดการดื่มแอลกอฮอล์ 2 สัปดาห์
- ดื่มน้ำเยอะๆ เพื่อให้ฟิลเลอร์คางคงสภาพ
การดูแลตัวเองก่อนและหลังทำศัลยกรรมผ่าตัดเสริมคาง
วิธีการดูแลตัวเองในกรณีที่ทำศัลยกรรมเสริมคางทั้งก่อนทำและหลังทำศัลยกรรม มีดังต่อไปนี้
ก่อนทำศัลยกรรมคาง
- งดวิตามินที่ทำให้เลือดหยุดไหลยาก เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา ยาแก้ปวดกลุ่มแอสไพริน และยาละลายลิ่มเลือดก่อนทำ 1-2 สัปดาห์
- งดสูบบุหรี่ งดดื่มแอลกอฮอล์ก่อนทำหัตถการ 3 วัน
- ไม่ใช้เครื่องสำอางในวันผ่าตัด
- หากมีประวัติแพ้ยา โรคประจำตัว และตั้งครรภ์ไปจนถึงต้องให้นมบุตร ควรแจ้งศัลยแพทย์ล่วงหน้า
หลังผ่าตัดเสริมคาง
- ประคบเย็นลดบวมในช่วง สัปดาห์แรก
- ทานยาให้ครบตามที่แพทย์สั่ง
- ควรบ้วนปากด้วยน้ำเกลือ หรือน้ำสะอาด
- เลี่ยงอาหารที่มีความแข็ง และอาหารรสจัด ให้กินอาหารอ่อนๆ ในช่วง 7 วันแรก
- งดการนอนคว่ำ นอนตะแคง หรือท่านอนที่กดทับแผล
- งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ ในช่วง 2 อาทิตย์แรก หลังทำศัลยกรรม
- กินยาให้ครบตามแพทย์สั่ง
สรุปได้ว่าการ ฉีดฟิลเลอร์คางและการทำศัลยกรรมเสริมคาง มีข้อดีที่แตกต่างกัน หากถามว่า ฉีดคางกับเสริมคางอันไหนดี ก็ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละบุคคล บางท่านอาจจะยังไม่พร้อมที่จะศัลยกรรมคางด้วยหลายปัจจัย การฉีดฟิลเลอร์คางจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงทันที ไม่จำเป็นต้องทำการพักฟื้น ในวันถัดมาก็สามารถแต่งหน้าได้เลยและหากไม่ถูกใจก็สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ได้ ไม่เจ็บเท่ากับการทำศัลยกรรมคางซึ่งต้องรอผลลัพธ์ที่นานกว่า
แต่สำหรับใครที่มีเวลามากพอสำหรับหารพักฟื้น หรือไม่กลัวการผ่าตัด ไม่อยากเติมฟิลเลอร์ทุกๆ 12-18 เดือน การเสริมคางด้วยการศัลยกรรมก็จะตอบโจทย์มากกว่า
ทั้งนี้ไม่ว่าจะเสริมคางด้วยฟิลเลอร์หรือเสริมคางถาวร ก็ต้องทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง รวมถึงการเลือกใช้ตัวยาแท้และซิลิโคนที่ได้มาตรฐาน ควรเลือกคลินิกเสริมความงามที่น่าเชื่อถือและตรวจสอบได้ เพื่อความปลอดภัยก่อนเข้ารับบริการ