ปัญหาหลุมสิวเป็นหนึ่งในความกังวลใจของผู้หญิงและผู้ชายวัยทำงานที่ต้องเจอหน้าผู้คนทุกวัน ความไม่มั่นใจจากผิวหน้าที่ขรุขระและไม่เรียบเนียนส่งผลต่อความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน หลายคนอาจเคยลองใช้ครีมบำรุงหรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ แต่ก็ไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน วันนี้ OHM Clinic จะมาแนะนำวิธี รักษาหลุมสิว ที่มีประสิทธิภาพและได้รับการยอมรับจากแพทย์ผิวหนัง พร้อมเผยเคล็ดลับการดูแลก่อนและหลังการรักษาที่จะช่วยให้คุณกลับมามีผิวเรียบเนียนอีกครั้ง
รวมรูป Before & After จากผู้ที่เข้ารับการรักษาหลุมสิวกับเรา
หลังจากสิวหาย หลายคนต้องเผชิญกับปัญหา ‘หน้าหลุมสิว’ ร่องรอยที่ทำให้ผิวไม่เรียบเนียน ทำให้หลายคนขาดความมั่นใจและสงสัยว่า หลุมสิวรักษายังไง ให้กลับมาเนียนใสได้อีกครั้ง? หากคุณกำลังมองหาวิธี รักษาหลุมสิว ที่เห็นผลจริง ที่ OHM Clinic เรามีบริการรักษาหลุมสิวที่จะช่วยแก้ปัญหาและทำให้คุณกลับมามั่นใจได้อีกครั้ง!
หลุมสิว คืออะไร? เกิดขึ้นได้อย่างไร
หลุมสิว คือรอยแผลเป็นที่เกิดขึ้นหลังจากที่สิวอักเสบรุนแรงหายไป เมื่อสิวอักเสบลึกลงไปถึงชั้นผิวหนัง (Dermis) ร่างกายจะพยายามซ่อมแซมด้วยการสร้างคอลลาเจนใหม่ หากคอลลาเจนที่สร้างขึ้นมาไม่เพียงพอหรือมีการจัดเรียงตัวผิดปกติ ผิวหนังจะยุบตัวลงและเกิดเป็นหลุม นอกจากนี้การที่เราไปบีบหรือเกาสิว ยิ่งทำให้เกิดการอักเสบมากขึ้นและเพิ่มโอกาสในการเกิด หน้าเป็นหลุม
หลุมสิว แบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักที่มีลักษณะและวิธีการรักษาที่แตกต่างกัน:
- Ice Pick Scars – หลุมสิวแบบลึกและแคบ ปากหลุมเล็กแต่ลึกถึง 2 มม. มักพบบริเวณแก้มและหน้าผาก เป็นหลุมสิวที่รักษาได้ยากที่สุด
- Rolling Scars – หลุมสิวแบบกว้างและตื้น มีลักษณะคล้ายคลื่น ทำให้ผิวหน้าดูไม่เรียบเนียน เกิดจากพังผืดใต้ผิวที่ดึงรั้งผิวให้ยุบลง
- Boxcar Scars – หลุมสิวแบบสี่เหลี่ยมมีขอบชัดเจน กว้าง 1.5-4 มม. และลึกประมาณ 0.1-0.5 มม. ลักษณะคล้ายรอยแผลจากอีสุกอีใส
การเข้าใจประเภทของหลุมสิวจะช่วยให้เลือกวิธี รักษาหลุมสิว ที่เหมาะสมและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
การรักษาหลุมสิวด้วยเลเซอร์ขั้นสูง
เลเซอร์รุ่นใหม่อย่าง Fractional CO2 Laser และ Picosecond Laser ถือเป็นมาตรฐานทองคำในการรักษาหลุมสิว โดย Fractional CO2 สามารถเจาะลึกถึงชั้นผิวหนังแท้ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่ Picosecond Laser ใช้พลังงานระยะสั้นมากช่วยลดรอยดำ-รอยแดงไปพร้อมกัน การรักษาด้วยเลเซอร์ให้ผลลัพธ์ยั่งยืน โดยผิวจะค่อย ๆ ปรับปรุงในช่วง 3-6 เดือนหลังการรักษา
เลเซอร์รุ่นใหม่ที่ได้รับความนิยม:
- Potenza RF Microneedling – ใช้คลื่นวิทยุร่วมกับเข็มขนาดเล็ก ปรับความลึกได้ตามลักษณะ หลุมสิว
- Infini RF – เทคโนโลยี Fractional RF ที่มีฉนวนป้องกันผิวชั้นบน ลด downtime
- PICO Genesis – เลเซอร์ Picosecond ที่ช่วยทั้งเรื่องหลุมสิวและความกระจ่างใสของผิว
การรักษาด้วยเลเซอร์เหมาะกับหลุมสิวทุกประเภท โดยเฉพาะ Rolling Scars และ Boxcar Scars ที่ตอบสนองดีต่อการกระตุ้นคอลลาเจน ผู้ป่วยส่วนใหญ่ต้องรับการรักษา 3-5 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 4-6 สัปดาห์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
การรักษาหลุมสิวด้วยเทคนิค Deep Scar Hybrid ผสมผสานเทคโนโลยีล่าสุดเฉพาะที่ OHM Clinic
Deep Scar Hybrid เป็นเทคนิคเฉพาะของ OHM Clinic ที่ผสมผสานการใช้เลเซอร์ Scanner CO2 ร่วมกับเครื่อง Air Dissector ในการสลายพังผืดใต้ผิวที่ทำให้หลุมสิวยุบลง โดยเฉพาะ Rolling Scars ที่มีพังผืดดึงรั้ง เทคนิคนี้ให้ความแม่นยำสูงกว่าการใช้เข็มแบบเดิม ลดการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อรอบข้าง และฟื้นตัวเร็วกว่า หลังจากสลายพังผืดด้วย Air Dissector แล้ว แพทย์จะใช้ Scanner CO2 ปรับปรุงผิวหน้าชั้นบน และอาจฉีด Dermal Filler หรือ Biostimulator อย่าง Radiesse เพื่อเติมเต็มและกระตุ้นคอลลาเจนใหม่ วิธีนี้ให้ผลลัพธ์ที่ครอบคลุมทั้งการแก้ไขโครงสร้างใต้ผิวและการปรับปรุงผิวหน้าชั้นบน
การรักษาด้วย Biostimulator และสารกระตุ้นคอลลาเจนรุ่นใหม่
Radiesse (CaHA) และ Sculptra (PLLA) เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนรุ่นใหม่ที่ได้รับการยอมรับจาก FDA สหรัฐฯ แตกต่างจาก Filler ทั่วไปตรงที่จะกระตุ้นร่างกายสร้างคอลลาเจนเองเป็นเวลานาน 18-24 เดือน เหมาะกับหลุมสิวแบบกว้างและผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
Ejal40 และ Profhilo เป็น Hyaluronic Acid ความเข้มข้นสูงที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและกระตุ้นคอลลาเจนพร้อมกัน เหมาะกับการ รักษาหลุมสิว ร่วมกับปัญหาผิวแห้งและริ้วรอย การฉีดแบบเฉพาะจุดสามารถปรับปรุงผิวผิวและเติมเต็มหลุมสิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ข้อดีของ Biostimulator คือให้ผลลัพธ์ที่ค่อยเป็นค่อยไป ดูเป็นธรรมชาติ และยั่งยืนกว่า Filler ทั่วไป แต่ต้องใช้เวลา 2-3 เดือนกว่าจะเห็นผลเต็มที่ เนื่องจากต้องรอให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่
Advanced Microneedling และเทคโนโลยีผสมผสาน
การใช้เข็มรุ่นใหม่ไม่ใช่แค่ Microneedling ธรรมดา แต่รวมไปถึงเทคนิค Radiofrequency Microneedling ที่ผสมผสานพลังงานคลื่นวิทยุกับการใช้เข็ม ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนได้ลึกและมีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้เข็มอย่างเดียว Automated Microneedling ควบคุมความลึกและความเร็วได้แม่นยำ เหมาะกับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายหรือไม่ต้องการ downtime มาก
เทคโนโลยีผสมผสานที่ได้รับความนิยม:
Laser + Subcision + Biostimulator – เริ่มด้วยการตัดพังผืด ตามด้วยเลเซอร์กระตุ้นคอลลาเจน และปิดท้ายด้วยการฉีด Biostimulator
Microneedling + PRP + LED Therapy – ใช้เข็มเปิดช่องทางผิว ฉีด PRP (Platelet Rich Plasma) จากเลือดตัวเอง และใช้แสง LED เร่งการฟื้นฟู
การเลือกใช้เทคโนโลยีแบบผสมผสานต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์ในการวิเคราะห์และวางแผนการรักษาให้เหมาะสมกับปัญหา หลุมสิว ของแต่ละบุคคล
ตัวเลือกการรักษาหลุมสิวแบบเฉพาะทาง แบบอื่นๆ
นอกจากเลเซอร์และเทคโนโลยีสมัยใหม่แล้ว ยังมีหัตถการเฉพาะทางที่ได้ผลดีกับหลุมสิวประเภทเฉพาะ โดยเฉพาะกรณีที่ต้องการการรักษาแบบจำเพาะหรือหลุมสิวที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาทั่วไป วิธีเหล่านี้ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญสูงของแพทย์และการประเมินความเหมาะสมอย่างรอบคอบ
TCA CROSS (Chemical Reconstruction of Skin Scars) ใช้กรด TCA ความเข้มข้นสูงทาเฉพาะจุดบนหลุมสิวแบบ Ice Pick เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่อย่างเจาะจง วิธีนี้เหมาะสำหรับหลุมสิวแบบแคบและลึกที่เลเซอร์เข้าถึงได้ยาก การรักษาต้องทำหลายครั้งห่างกัน 4-6 สัปดาห์ และต้องระมัดระวังการดูแลหลังการรักษาอย่างเคร่งครัด
Punch Excision/Elevation สำหรับหลุมสิวแบบลึกมากที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาอื่น เป็นการผ่าตัดเล็กๆ ตัดหลุมออกและเย็บแผลใหม่ หรือยกระดับก้นหลุมให้เท่ากับผิวรอบข้าง แม้จะใช้เวลาฟื้นตัวนานกว่า แต่ให้ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยมสำหรับ Ice Pick Scars และ Deep Boxcar Scars
เลือกวิธีรักษาหลุมสิวแบบไหนดี? ให้เหมาะกับปัญหาผิว
การเลือกวิธีรักษาหลุมสิวที่เหมาะสมไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องพิจารณาหลายปัจจัยทั้งประเภทของ หลุมสิว ความรุนแรงของปัญหา งบประมาณ และไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมที่สุด
การเลือกตามประเภทหลุมสิว: หลุมสิว Ice Pick ที่ลึกและแคบจะตอบสนองดีกับ TCA CROSS หรือ Punch Excision ขณะที่ Rolling Scars เหมาะกับ Subcision หรือ Fractional Laser หลุมสิวแบบ Boxcar สามารถรักษาได้ดีด้วย Fractional CO2 Laser หรือ Dermal Filler
การเลือกตามงบประมาณ: หากมีงบประมาณจำกัด Microneedling หรือ Chemical Peel อาจเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ต้องใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล สำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและชัดเจน การรักษาด้วยเลเซอร์หรือ Combination Therapy อาจเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากว่าในระยะยาว
ข้อควรรู้ก่อนและหลังการ รักษาหลุมสิว
การเตรียมตัวที่ดีก่อนการรักษาและการดูแลที่เหมาะสมหลังการรักษาจะส่งผลต่อความสำเร็จของการรักษาอย่างมาก หลายคนมักมองข้ามขั้นตอนเหล่านี้ ทำให้ไม่ได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจากการรักษา
การเตรียมตัวก่อนรับการรักษา: ก่อนเข้ารับการรักษาหลุมสิว ควรหยุดการใช้ยาหรือครีมที่มีส่วนผสมของ Retinoids อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อลดความไวของผิว หลีกเลี่ยงการออกแดดและควรใช้ครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ หากมีสิวอักเสบควรรักษาให้หายก่อนเข้ารับการ รักษาหลุมสิว
การดูแลผิวหลังการรักษา: หลังจากการรักษา ผิวหน้าจะอ่อนไหวและต้องการการดูแลพิเศษ ควรใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยน หลีกเลี่ยงการถูนวดหน้าแรงๆ ใช้ครีมบำรุงที่ช่วยฟื้นฟูผิว และที่สำคัญที่สุดคือการใช้ครีมกันแดด SPF 30 ขึ้นไปทุกวัน
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับการ รักษาหลุมสิว
รักษาหลุมสิว เจ็บไหม? ต้องฉีดยาชาก่อนทำรึเปล่า?
การรักษาส่วนใหญ่จะมีการใช้ยาชาเฉพาะที่หรือครีมชาก่อนการรักษา ความเจ็บจะขึ้นอยู่กับวิธีการรักษาและความทนต่อความเจ็บของแต่ละบุคคล การรักษาด้วยเลเซอร์อาจรู้สึกร้อนแสบเล็กน้อย ขณะที่หัตถการอย่าง Subcision อาจรู้สึกเจ็บมากกว่า
ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผลลัพธ์ในการรักษาหลุมสิวที่ชัดเจน?
โดยเฉลี่ยต้องทำ 3-6 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 4-6 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของหลุมสิวและวิธีการรักษา หลุมสิวแบบตื้นอาจเห็นผลใน 2-3 ครั้ง ขณะที่แบบลึกต้องใช้เวลานานกว่า
หลุมสิว หายเองได้ไหม? หรือต้องรักษาเท่านั้น?
หลุมสิว ไม่สามารถหายเองได้ตามธรรมชาติ เนื่องจากเป็นการสูญเสียเนื้อเยื่อและคอลลาเจนในชั้นผิวหนัง การใช้ครีมบำรุงหรือผลิตภัณฑ์สกินแคร์เพียงอย่างเดียวไม่สามารถรักษาหลุมสิวให้หายขาดได้ จำเป็นต้องได้รับการรักษาทางการแพทย์
การรักษาหลุมสิวมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่ การบวมแดง การเกิดสะเก็ดหลังการรักษา และความไวต่อแสงแดดชั่วคราว ในผู้ที่มีผิวคล้ำอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงสีผิวชั่วคราว ซึ่งจะค่อยๆ หายไปใน 1-3 สัปดาห์
ใครบ้างที่ไม่ควรรักษา หน้าเป็นหลุม?
ไม่เหมาะกับหญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีโรคผิวหนังอักเสบ กำลังมีสิวอักเสบรุนแรง มีประวัติเป็น Keloid ง่าย หรือกำลังใช้ยา Accutane ควรหยุดยาอย่างน้อย 6 เดือนก่อนการรักษา
ผลลัพธ์หลังการรักษารอยหลุมสิวจะอยู่ได้นานแค่ไหน?
ผลลัพธ์จากการรักษาด้วยเลเซอร์และหัตถการสามารถอยู่ได้ 5-10 ปี หรืออาจถาวรหากดูแลผิวอย่างเหมาะสม ขณะที่การฉีด Filler ให้ผลชั่วคราว 6-12 เดือน และ Biostimulator อาจคงอยู่ได้ 18-24 เดือน
ค่าใช้จ่ายในการรักษาหน้าเป็นหลุมเริ่มต้นเท่าไหร่?
ค่าใช้จ่ายแตกต่างกันตามวิธีการรักษาและความรุนแรงของปัญหา Microneedling เริ่มต้นประมาณ 3,000-5,000 บาทต่อครั้ง เลเซอร์ขั้นสูง 8,000-15,000 บาทต่อครั้ง และหัตถการพิเศษ 10,000-25,000 บาทต่อครั้ง
รักษาหลุมสิว พร้อมกับรอยดำ-รอยแดงได้ไหม?
สามารถรักษาได้พร้อมกัน การรักษาด้วยเลเซอร์หลายชนิดสามารถปรับปรุงทั้ง หลุมสิว รอยดำ และรอยแดงได้ในเวลาเดียวกัน ช่วยลดจำนวนครั้งในการรักษาและให้ผิวดูสม่ำเสมอมากขึ้น
มีวิธีป้องกันไม่ให้เกิดหลุมสิวใหม่ไหม?
การป้องกันที่ดีที่สุดคือการรักษาสิวให้หายเร็ว ไม่บีบหรือแกะสิว ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Retinoids เพื่อป้องกันสิวอุดตัน และทาครีมกันแดดทุกวันเพื่อป้องกันการอักเสบของผิว
บอกลาหลุมสิว นัดหมายปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
การรักษาหลุมสิวในปัจจุบันมีทางเลือกมากมายและให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ไม่ว่าคุณจะมีปัญหา หน้าเป็นหลุม แบบไหน ก็สามารถหาวิธีการรักษาที่เหมาะสมได้ สิ่งสำคัญคือการเลือกคลินิกที่มีความเชี่ยวชาญและอุปกรณ์ที่ทันสมัย
จองคิวได้ที่:
- LINE: @ohmclinic (ตอบภายใน 15 นาที)
- Tel: 085-168-5656 (สาขา Nirvana เกษตร-นวมินทร์)
- Tel: 085-188-8855 (สาขา True Digital Park)
- Tel: 083-982-9292 (สาขา Siam Square One)
- Instagram: @ohmclinic
สาขาที่ให้บริการ:
Nirvana เกษตร-นวมินทร์: 288/30 ถนนประเสริฐมนูญกิจ แขวงนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กทม. 10240 เปิด 11:00-19:00 น.
True Digital Park: 101 True Digital Park ชั้น 2 ถนนสุขุมวิท แขวงบางจาก เขตพระโขนง กทม. 10260 (BTS ปุณณวิถี) เปิด 12:00-20:00 น.
Siam Square One: Siam Square One ชั้น 6 เลขที่ 388 ถนนพระรามที่ 1 แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กทม. 10330 (BTS สยาม) เปิด 12:00-20:00 น.
อย่าปล่อยให้หลุมสิวมาทำลายความมั่นใจของคุณอีกต่อไป เริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงวันนี้และกลับมามีผิวเรียบเนียนที่คุณใฝ่หาได้อย่างแน่นอน