ฉีดฟิลเลอร์ปาก ถือเป็นหนึ่งในหัตถการความงามที่ได้รับความนิยมสูงมากในปัจจุบัน เพราะช่วยเนรมิตริมฝีปากให้อวบอิ่ม ดูมีมิติ หรือเปลี่ยนทรงปากให้สวยถูกใจได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว แต่สิ่งที่หลายคนกังวลและสงสัยมากที่สุดหลังจากตัดสินใจทำก็คือ อาการหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก จะเป็นอย่างไร? และคำถามยอดฮิตอย่าง “ฉีดฟิลเลอร์ปาก บวมกี่วัน ถึงจะยุบและเข้าที่?”
บทความนี้ นายแพทย์ ดิษฐพงศ์ สัตตบงกช หรือคุณหมอโอมจาก OHM Clinic จะมาไขข้อข้องใจทั้งหมดที่คุณควรรู้ ตั้งแต่การอธิบายสาเหตุของอาการบวม ระยะเวลาที่ปากจะยุบ รวมถึงสัญญาณเตือนอันตรายที่คุณไม่ควรมองข้าม เพราะการทำความเข้าใจสิ่งที่คุณควรรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก จะช่วยให้คุณเตรียมพร้อมรับมือและได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัยที่สุด
หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ทำไมปากถึงบวม?
ก่อนที่เราจะไปดูว่า ฉีดฟิลเลอร์ปาก บวมกี่วัน เรามาทำความเข้าใจสาเหตุพื้นฐานที่ทำให้ริมฝีปากเกิดอาการบวมกันก่อน ริมฝีปากเป็นบริเวณที่มีเส้นเลือดและเส้นประสาทมาเลี้ยงค่อนข้างมาก เมื่อแพทย์ทำการฉีดสารเติมเต็ม (Hyaluronic Acid) เข้าไปในเนื้อเยื่อปากด้วยเข็ม (ไม่ว่าจะใช้เข็มปลายแหลมหรือเข็มปลายทู่) ย่อมทำให้เกิดการบาดเจ็บเล็กน้อยของเนื้อเยื่อและเส้นเลือดฝอยในบริเวณนั้น ๆ
- การบาดเจ็บของเนื้อเยื่อ: การแทงเข็มและการดันตัวของฟิลเลอร์เข้าไปในช่องว่าง ทำให้เกิดการอักเสบตามธรรมชาติ (Inflammation)
- คุณสมบัติของฟิลเลอร์: สาร Hyaluronic Acid มีคุณสมบัติในการดึงดูดน้ำได้ดีมาก ซึ่งเป็นกลไกหลักที่ทำให้ปากดูอวบอิ่ม แต่ในระยะแรกหลังจากฉีด มันจะดูดน้ำและเกิดการบวมขึ้นตามมา ทำให้เกิด อาการหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ที่ปากดูใหญ่กว่าปกติ
- เทคนิคการฉีด: ความชำนาญและเทคนิคของแพทย์ก็มีผล หากแพทย์มีประสบการณ์และเข้าใจกายวิภาคของปากดี จะช่วยลดการบอบช้ำและอาการบวมได้
ฉีดฟิลเลอร์ปาก บวมกี่วัน?
นี่คือหัวใจสำคัญที่หลายคนอยากรู้ และเป็นช่วงเวลาที่หลายคนต้องเตรียมใจ เพราะการบวมเป็นกระบวนการตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับทุกคน แต่ระดับความบวมจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล และนี่คือไทม์ไลน์โดยเฉลี่ยจากประสบการณ์การฉีดฟิลเลอร์ปากที่ผ่านมาครับ
24-48 ชั่วโมงแรก: ระยะบวมมากที่สุด
- นี่คือช่วงที่อาการหลังฉีดฟิลเลอร์ปากจะรุนแรงที่สุด ปากจะดูบวมเป่ง แข็งตึง และอาจมีรอยช้ำหรือรอยเข็มให้เห็นอย่างชัดเจน
- การบวมในระยะนี้ถือเป็นเรื่องปกติ อย่าเพิ่งตกใจว่าปากจะใหญ่เกินไป เพราะนี่ไม่ใช่ขนาดจริงที่จะคงอยู่ถาวร
- อาจมีอาการปวดตึงเล็กน้อย ซึ่งสามารถทานยาแก้ปวดที่แพทย์สั่งได้

วันที่ 3-7: อาการบวมเริ่มลดลง
- เมื่อผ่านพ้น 48 ชั่วโมงไปแล้ว อาการบวมจะเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด
- อาการปวดตึงจะหายไปเกือบหมด แต่ปากยังคงดูบวมอยู่บ้าง อาจมีความรู้สึกเป็นก้อนไต ๆ เล็กน้อย ซึ่งเกิดจากฟิลเลอร์ที่ยังไม่เซ็ตตัวเต็มที่
- ช่วงนี้คือช่วงที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเรื่องการดูแลตัวเอง เพื่อไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อน
สัปดาห์ที่ 2: เริ่มเข้าที่/อาการบวมยุบเกือบหมด
- ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ 1 ถึงสัปดาห์ที่ 2 อาการบวมส่วนใหญ่จะยุบลงเกือบหมดแล้ว
- คุณจะเริ่มเห็นรูปทรงของปากที่ชัดเจนขึ้นและใกล้เคียงกับผลลัพธ์สุดท้าย
- หากมีรอยช้ำก็จะจางหายไปหมดแล้วเช่นกัน
หลัง 2 สัปดาห์: เข้าที่สมบูรณ์
- หลังจากผ่าน 14 วันไปแล้ว ปากจะนุ่มนิ่มเป็นธรรมชาติ และได้ผลลัพธ์สุดท้ายที่คุณต้องการอย่างสมบูรณ์
- หากยังมีอาการบวมหรือเป็นก้อนที่ไม่หายไปในช่วงนี้ ควรปรึกษาแพทย์ที่ทำการฉีดเพื่อตรวจดู อาการหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก อย่างละเอียด
อาการหลังฉีดฟิลเลอร์ปากปากแบบไหนที่น่ากังวล?
แม้ว่าอาการบวม ช้ำ และปวดตึงเล็กน้อยจะเป็นเรื่องปกติ แต่ก็มีสัญญาณเตือนบางอย่างที่บ่งชี้ถึงภาวะแทรกซ้อนที่อาจเป็นอันตราย ซึ่งคุณควรรีบติดต่อคลินิกหรือแพทย์ทันทีที่คุณสังเกตเห็น อาการหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก เหล่านี้
- ปวดบริเวณที่ฉีดรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ: ไม่ใช่แค่ปวดตึงธรรมดา แต่เป็นความปวดที่เพิ่มระดับขึ้นเรื่อย ๆ จนทนไม่ได้
- แดงขึ้นเรื่อย ๆ: มีอาการแดงเฉพาะจุดที่ฉีดและมีขนาดกว้างขึ้นเรื่อย ๆ หรือแดงร้อนผิดปกติ
- สัมผัสแล้วรู้สึกเจ็บ: ไม่ใช่แค่ความรู้สึกตึง แต่เป็นความเจ็บปวดที่รุนแรงเมื่อสัมผัส
- สีผิวปากเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มหรือคล้ำผิดปกติ: เป็นสัญญาณสำคัญของการอุดตันของเส้นเลือด (Vascular Occlusion) หากสังเกตเห็นผิวเป็นรอยด่าง สีขาว สีม่วง หรือสีคล้ำ ควรรีบพบแพทย์ทันที
- อาการบวมเป็นก้อนแข็งที่ไม่ได้เกิดจากการบวมทั่วไป: หากเป็นก้อนแข็งที่ไม่ได้ยุบลงตามเวลาที่กำหนด หรือมีลักษณะผิดปกติ
- อาการแพ้ฟิลเลอร์รุนแรง: เช่น มีผื่นขึ้นทั้งตัว หรือมีอาการหายใจลำบาก (พบได้น้อยมาก)
สาเหตุของอาการบวมผิดปกติ
การทำความเข้าใจสาเหตุของอาการบวมที่ผิดปกติจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้เร็วขึ้นหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน และนี่คือสาเหตุของอาการบวมผิดปกติที่ต้องระวังครับ
- การอุดตันของเส้นเลือด (Vascular Occlusion): เป็นภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงที่สุด เกิดขึ้นเมื่อฟิลเลอร์ถูกฉีดเข้าไปในเส้นเลือด ทำให้เลือดไม่สามารถไหลเวียนไปยังเนื้อเยื่อบริเวณนั้นได้ อาการคือการปวดอย่างรุนแรง และการเปลี่ยนสีผิวที่กล่าวไปข้างต้น
- การติดเชื้อ (Infection): อาจเกิดจากการดูแลความสะอาดที่ไม่ดีระหว่างหรือหลังการฉีด ซึ่งจะแสดงอาการเป็นความปวด บวม แดงร้อน และมีไข้ตามมา
- การอักเสบเรื้อรัง (Nodules/Granulomas): เป็นปฏิกิริยาของร่างกายต่อสิ่งแปลกปลอมที่อาจเกิดขึ้นภายหลังหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน
- ฟิลเลอร์ไม่มีคุณภาพ/ไม่ได้มาตรฐาน: การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐานอาจก่อให้เกิดอาการแพ้หรือการอักเสบที่ผิดปกติได้
วิธีลดบวมหลังฉีดฟิลเลอร์ปากให้เข้าที่เร็วขึ้น
แม้ว่าอาการบวมจะใช้เวลาในการยุบตามธรรมชาติ แต่คุณสามารถช่วยเร่งกระบวนการให้ปากเข้าที่และลดอาการบวมได้รวดเร็วขึ้นอย่างปลอดภัยตามวิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ปากเหล่านี้ครับ
- ประคบเย็น: ในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก ให้ใช้เจลเย็นหรือน้ำแข็งห่อผ้าขนหนูประคบเบา ๆ บริเวณรอบริมฝีปากเพื่อช่วยลดอาการบวมและความช้ำ
- งดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด: เลี่ยงการนวดหน้า การทำเลเซอร์ร้อนลงผิวบริเวณรอบปาก หรือการเข้าซาวน่าในช่วง 2 สัปดาห์แรก
- เลี่ยงอาหารรสจัด (เค็มจัดหรือหวานจัด): อาหารรสเค็มจะทำให้ร่างกายอุ้มน้ำมากขึ้น ส่งผลให้ปากบวมนานขึ้น ควรทานอาหารอ่อน ๆ ที่ไม่ร้อนจัดในช่วงแรก
- งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่: แอลกอฮอล์ทำให้เส้นเลือดขยายตัวและสูบบุหรี่จะทำให้แผลหายช้า ซึ่งส่งผลให้หายบวมช้าและเพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อ
- งดออกกำลังกายหนัก: หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ทำให้หัวใจเต้นเร็วในช่วง 48 ชั่วโมงแรก
- ดื่มน้ำเปล่ามาก ๆ: การดื่มน้ำช่วยให้ฟิลเลอร์ Hyaluronic Acid ทำงานได้ดีและช่วยให้การไหลเวียนของของเหลวในร่างกายดีขึ้น
- นอนหมอนสูง: การนอนศีรษะให้สูงกว่าลำตัวจะช่วยลดการคั่งของของเหลวบริเวณใบหน้าและปากได้
- ทานผักผลไม้หรือสมุนไพรช่วยลดบวม: เช่น ฟักทอง ถั่วดำ ใบบัวบก (ตามคำแนะนำของแพทย์)
การเตรียมพร้อมก่อนฉีดฟิลเลอร์นั้นสำคัญไม่แพ้การดูแลตัวเองหลังฉีด ซึ่งรวมไปถึงการปรึกษาแพทย์ว่า ทรงฉีดปากแบบไหนสวย และเหมาะสมกับรูปหน้าของคุณ ที่ OHM Clinic มีบริการฉีดฟิลเลอร์ปากโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำปรึกษาอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและเป็นธรรมชาติที่สุด
คำถามพบบ่อย (FAQs) เกี่ยวกับ อาการหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก
การคลายความสงสัยเกี่ยวกับอาการหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก จะช่วยให้คุณรู้สึกมั่นใจมากขึ้นในกระบวนการทั้งหมด
1. ฉีดฟิลเลอร์ปากทำไงให้หายบวมเร็ว?
วิธีที่ช่วยให้หายบวมเร็วที่สุดคือการทำตามวิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ปากอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการประคบเย็นในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก การงดดื่มแอลกอฮอล์ และการดื่มน้ำเปล่าในปริมาณที่เพียงพอ
2. ฟิลเลอร์ปากกี่เดือนยุบ?
คำถามนี้อาจจะหมายถึงฟิลเลอร์สลายตัวกี่เดือน ซึ่งฟิลเลอร์ปากส่วนใหญ่ที่ใช้ Hyaluronic Acid จะอยู่ได้ประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ ปริมาณ และการดูแลของแต่ละบุคคล แต่หากหมายถึงอาการบวมนั้น โดยทั่วไปจะยุบและเข้าที่สมบูรณ์ภายใน 2 สัปดาห์
3. ฉีดปากวันไหนบวมสุด?
วันที่บวมที่สุดคือ 24-48 ชั่วโมงแรกหลังจากการฉีด หลังจากนั้นอาการบวมจะค่อย ๆ ลดลงอย่างต่อเนื่อง
4. ฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นก้อนกี่วันหาย?
อาการเป็นก้อนไตเล็ก ๆ ที่เกิดจากอาการบวมของเนื้อเยื่อจะค่อย ๆ ดีขึ้นและนุ่มลงตามธรรมชาติ พร้อมกับการยุบของอาการบวมภายใน 1-2 สัปดาห์ หากหลัง 2 สัปดาห์ยังคงเป็นก้อนแข็งชัดเจนหรือไม่ยุบลง ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสาเหตุต่อไป
5. ฉีดฟิลเลอร์ปากห้ามนอนตะแคงกี่วัน?
ควรหลีกเลี่ยงการนอนตะแคงหรือนอนคว่ำในช่วง 3-7 วันแรกหลังฉีด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดแรงกดทับที่ริมฝีปาก ซึ่งอาจส่งผลต่อรูปทรงของฟิลเลอร์ที่ยังไม่เซ็ตตัวเต็มที่
6. ฉีดฟิลเลอร์ปาก เจ็บไหม?
ฉีดฟิลเลอร์ปากเจ็บไหม? โดยทั่วไปแล้ว การฉีดฟิลเลอร์ปากจะมีความเจ็บในระดับที่ทนได้ เนื่องจากก่อนการฉีดจะมีการทายาชาหรือฉีดยาชาบริเวณริมฝีปาก และฟิลเลอร์ส่วนใหญ่มักมีส่วนผสมของยาชา (Lidocaine) อยู่แล้ว
สรุป
การทราบว่า ฉีดฟิลเลอร์ปาก บวมกี่วัน และการเข้าใจ อาการหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ที่เป็นปกติและที่ผิดปกติ ถือเป็นกุญแจสำคัญสู่การมีริมฝีปากที่สวยงามและปลอดภัย จำไว้ว่าอาการบวมเป็นเรื่องปกติ และจะยุบลงเองภายใน 1-2 สัปดาห์ สิ่งสำคัญที่สุดคือการเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ แพทย์ที่มีประสบการณ์ และการดูแลตัวเองตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด หากคุณมีข้อสงสัยหรือกังวลเกี่ยวกับ อาการหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก หรือต้องการฉีดฟิลเลอร์ปากที่ OHM Clinic หรือต้องการสอบถามฉีดฟิลเลอร์ปากราคาเท่าไหร่โปรดติดต่อที่
LINE: LINE
สาขา เกษตรนวมินทร์
CALL: 085-1685656
สาขา 101 True digital Park
CALL: 085-1888855
สาขา Siam Square One
CALL : 083-9829292
ข้อมูลโดย


